วันที่ 4 [Day 4]

         วันนี้อากาศแจ่มใสมาก เราลงมากินข้าวเช้าในโรงแรมตอน 7.00 น. เป็นขนมปังกับซุปข้าวโพด แล้วก็รีบขับตรงดิ่งไป Shiroishi ซึ่งเป็นเมืองที่เราต้องนำรถไปคืนที่จุดคืนรถคะ เราใช้ local road คะตอนแรกก็รู้สึกว่ามันไม่ได้รถติดอะไร พอเริ่มเข้าเมือง Sapporo นี่ ///คือแบบไฟแดงมันจะเยอะไปไหน 😑 ทุกๆ 50 เมตร จะมีไฟแดง 1 จุดเลยทีเดียว/// ผลลัพธ์คือคืนรถแบบฉิวเฉียดเลย555
         การคืนรถก็ไม่ได้ยุ่งยากนะคะ คือ เราไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใกล้ๆ ให้เต็มถังคะ แล้วก็ขับเข้าไปในที่คืนรถ เอาของลงจากรถให้เรียบร้อย แล้วก็ไปเรียกเค้าให้มาตรวจคะ พอเค้าตรวจเสร็จไม่มีอะไรก็แยกย้าย เราก็ลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟ Shiroishi แล้วก็นั่งรถไฟไปลง Nango 7 chome ซึ่งเราจองอพาร์ทเม้นไว้ที่นั้นคะ
         ถึงอพาร์ทเม้นและเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกมาเดินเล่นหาอาหารกลางวันกิน ไปเจอร้านราเมนชื่อดังของย่านนั้น กินเสร็จก็เดินต่อไปถึงสถานีรถไฟ ซื้อตั๋ว one day pass วันนี้เราโชคดีอีกแล้ว ได้ตั๋วรถไฟถูก เนื่องจากมันเป็น golden week เราเลยได้เป็นตั๋ววันหยุด Donichika  (ราคา 520 เยน จากราคาตั๋ววันธรรมดา 830 เยน) 😁



         เรานั่งไปที่สถานี Odori เดินไปที่ทางออกที่ 31 แล้วเดินอีก 50 เมตรก็จะเจอกับ Sapporo Clock Tower เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่สำคัญใน Sapporo ต่างๆ ชั้นบนเป็นโถงที่มีนาฬิกายักษ์ให้ถ่ายรูปด้วย และมีวิดีทัศน์การทำงานของนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหอนาฬิกาให้ชมด้วยค่ะ





         หลังจากที่เดินชมรอบ ๆ ภายใน Clock Tower จนทั่วแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่ Sapporo TV Tower ซึ่งอยู่ติดกับสวนสาธารณะ Odori เราก็เดินเล่นเรื่อยๆ มาถึงสวนสาธารณะ Odori ภายในสวน มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นมาเต้นบ้าง มีผู้อาวุโสมายืดตัวบ้าง และก็มีคนมานั่งเล่นบ้าง ต้นซากุระบางต้นก็เริ่มบานบ้างแล้วด้วย จากนั้นเราขึ้นไป Sapporo TV Tower ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น 3 ชั้นแรกจะเปิดให้เข้าชมฟรีคะ ส่วนชั้นบนสุดที่ต้องขึ้นลิฟท์แยกไปอีกทีจะต้องเสียค่าเข้าชมคะ ถ้ามาตอนเริ่มเย็นประมาณบ่าย 4-5 โมงคนจะต่อแถวยาวมากเลยล่ะคะ แต่เรามาตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง คนยังไม่เยอะเข้าสบายมาก ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์เค้าก็จะมีอธิบายเรื่องเกี่ยวกับ Sapporo TV Tower ว่ามันมีไรพิเศษบ้าง ส่วนใหญ่ก็เรื่องความสูงนี่ล่ะ (แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน เราฟังออกนิดเดียวอ่ะนะ 😑) /// สิทธิ์พิเศษเล็กน้อยที่ได้จากการซื้อตั๋วขึ้น Sapporo TV Tower คือได้ส่วนลดของฝากที่ขายบนชั้นบนสุด กับส่วนลดไอศครีมข้างหน้า Sapporo TV Tower นั้นเองค่า 😆


(ตั๋ว Two ways Ticket ใช้เข้าชมได้ทั้งภายใน Sapporo Clock Tower และ Sapporo TV Tower ชั้นบนสุด)

 


         หลังจากลงจาก Sapporo TV Tower แล้วเราก็เดินไปดูศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (เข้าชมฟรี)

           หลังจากเสร็จสิ้นจาการเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของเมืองฮอกไกโด เราเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกมาก เนื่องจากเพิ่ง 5 โมงเย็น ยังไม่หิว เราเลยนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Sapporo ก่อน แวะ JR Sapporo เพื่อดูตารางเวลาสำหรับการวางแผนการเดินทางไป Airport ในวันกลับ และการเดินทางไปเมือง Otaru ในวันพรุ่งนี้ค่ะ (ระยะทางจากสถานี Sapporo ถึง Jr Sapporo ประมาณ 600 เมตร หากเดินทางทางใต้ดิน แต่ถ้าขึ้นมาเดินด้านบน ระยะทางจะสั้นกว่าและเดินสบายกว่าเพราะไม่ต้องเดินขึ้นลงทางลาดเยอะ แต่ก็หลงได้ เพราะมีตึกบังเยอะ) สำหรับวันกลับนั้น การเดินทางจากสถานี Sapporo ถึง Jr Sapporo ไม่แนะนำให้ใช้ทางใต้ดิน เนื่องจากมีกระเป๋าและสัมภาระ อาจมีความยากลำบากในการลากกระเป๋า เพราะมันจะมีบางช่วงเป็นบันไดอยู่คะ ในส่วนของ Coin locker จะมีอยู่ตาม North กับ South Exit ของ Jr Sapporo คะ ดังนั้น หากใครมีความจำเป็นต้องฝากกระเป๋าก่อนกลับเนื่องจากเที่ยวบินดึก หลังจาก check out ออกจากที่พักแล้ว ก็สามารถนำมาฝากตาม coin locker ได้ค่ะ แต่ก็ควรเช็คขนาดอีกทีนะคะว่ากระเป๋าของเรามีขนาดใหญ่เกิน locker หรือเปล่า
         หลังจากที่เราสำรวจอะไรต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็กลับไปที่สถานี Odori อีกรอบคะแต่ครั้งนี้เราเดินไปทาง South Exit ทางใต้ดินเพื่อไปเดินถนนช้อปปิ้งใต้ดินชื่อ Pole Town ตอน 2 ทุ่มก็เริ่มปิดกันแล้วคะ ซึ่งถ้าเดินไปเรื่อยๆ จะมีทางออกที่จะไปโผล่พอดีกับ Tanukikoji Shopping Street คะ (ดู Google map ระหว่างไปเดินด้วยก็ได้นะคะ เพราะทางออกมันไม่ค่อยเด่น ตัวอักษรป้ายก็เลือนๆ บ้างคะ)
         Tanukikoji Shopping Street ก็เป็นถนนที่ยาวเกือบ 1 กิโลได้ ที่นี้ก็มีร้านขายของเรียงรายเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งร้านอาหาร ร้านยาอย่าง Matsumoto และร้านปาจิงโกะด้วย ที่สำคัญคือมี Don Quote ด้วยล่ะ ซึ่งตอนแรกเราก็เดินเลยไปเลย นึกว่าเป็นร้านปาจิงโกะสะอีก 😂



         เราแวะกินข้าวเย็นที่ร้านชื่อ Beef Impact ก็ตามชื่อเป็นร้านขายเสต็กเนื้อวัวค่า เค้ามีเมนูแบบภาษาอังกฤษให้ด้วยนะ เราก็ลองสั่งเนื้อหั่นเป็นชิ้นๆ 300 g แบบ medium มาก็ใช้เวลาประมาณ 5-15 นาที น่ากินมากเลยล่ะคะ 😆



         พอกินเสร็จเราก็ซื้อของที่ Laox นิดหน่อยแล้วก็กลับบ้าน ใช้ทางเดิมนี้ล่ะ เดินสบายไม่หลง 555 วันนี้ก็ไม่ค่อยมีรีวิวที่เยอะมาก เพราะต้องเตรียมตัวไป Otaru พรุ่งนี้ ต้องรีบกลับไปนอน อ้อก่อนถึงที่พักก็แวะเข้าซูปเปอร์ใกล้ที่พักหน่อย กะว่าจะเข้าไปซื้อซูชิไว้เป็นข้าวเช้า พอไปถึงนี่แบบถึงกับค้าง ของเกลี้ยงเลย นี่พึ่งทุ่มเดียว Tokyo ยังซื้อกันอยู่เลย 😑 แม่บ้านที่นี้เค้าช้อปเร็วจริง เลยต้องจำใจซื้อข้าวปั้น เฮ้อ
- The End of the Day -
  • ตั๋ว one day pass 830 เยน
  • ตั๋ว Donichika 520 เยน (มีวันเสาร์อาทิตย์กับวันหยุดค่า)
  • ค่าเข้าชมภายใน Sapporo Clock Tower 200 เยน
  • ค่าเข้าชม Sapporo TV Tower ชั้นบนสุด 750 เยน
  • ตั๋ว Two ways Ticket ราคา 800 เยน (เข้าชมได้ทั้งภายใน Sapporo Clock Tower และ Sapporo TV Tower ชั้นบนสุด)


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วันที่ 6 [Day 6]

ข้อมูลการนั่งเรือข้ามฟากที่เซี่ยงไฮ้ฝั่ง Puxi และฝั่ง Pudong (ก่อน Covid)

วันที่ 5 [Day 5]