วันที่ 1 [Day 1]

          เรานั่ง Taxi จากบ้านแถวสะพานควายไปสนามบินดอนเมือง ใช้เวลา 15 นาทีก็ถึงสนามบินดอนเมือง โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องสายการบิน Air Asia X (เราเช็คอินออนไลน์มาก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องมาต่อแถวคิวยาวเหยียดที่สนามบิน) ผ่าน ตม. เสร็จก็ไปเข้า King Power Lounge กินขนมแล้วก็รอเวลา ฺBoarding เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ขึ้นเครื่องเวลา 23.25 น. นอนสะสมแรงแปป 😴

ARRIVE!
          เมื่อมาถึงสนามบิน New Chitose เวลาตามญี่ปุ่นคือ 8.20 น. (เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม.) เค้าก็จะมีให้สแกนนิ้ว อายุไม่ถึง 18 ไม่ต้องสแกนล่ะ 😆 แล้วก็ผ่าน ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อย แล้วก็ลงไปชั้น 1 เพื่อไปจุดรอรถบัสที่จะพาเราไปที่จุดรับรถเช่าของแต่ละบริษัท (มันจะมีสติ๊กเกอร์ติดตามพื้นบอกทางไปรถบัสอยู่ มีลิฟท์อำนวยความสะดวกสำหรับคนกระเป๋าใหญ่ ไม่ต้องห่วงเลยค่า  😊) พอลงไปถึงจุดรอรถบัส จะมีเคาน์เตอร์ข้างๆ มีพนักงานต้อนรับอยู่ ก็เอาเอกสารการจองเช่ารถให้เค้าดู เค้าก็จะให้บัตรคิวมา ซึ่งจะใช้อีกทีตอนไปถึงจุดรับรถเช่า เราก็นั่งรอรถบัสประมาณ 15-20 นาทีเองคะ (ไม่ต้องห่วงว่าจะตกรถนะคะ เพราะพี่คนขับเค้าก็จะมาเรียกถึงที่นั่งเลยล่ะคะ)
          พอมาถึงที่รับรถ เข้าไปตรงส่วนเคาน์เตอร์เค้าก็ให้นั่งรอเรียกตามหมายเลขบัตรคิว พอเค้าเรียกไป เค้าก็อธิบายเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระว่าทั้งหมดเท่าไหร่ จะเพิ่มอะไรอีกไหม แล้วก็เรื่องกฎจราจรต่างๆ ที่เป็นพื้นฐาน การคืนรถด้วย เสร็จสรรพ์ก็ไปที่รถเลย
  สิ่งที่แนะนำให้ถามเค้านะคะ
  • หน้าฤดูที่เราไป ยังมีหิมะอยู่ไหมนะคะ ถ้ามี ล้อมันเป็นแบบกันลื่นหิมะไรงี้ (ไม่ใช่ใส่โซ่นะ มันเป็นเหมือนล้อที่เค้าเพิ่มความฝืดของตัวยาง เวลาขับบนภูเขาบางครั้งก็จะมีเสียง วืดดดด เหมือนเครื่องดูดฝุ่น)
  • Navigator เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น (มันมีแค่ 2 ภาษานี้ล่ะ แต่ก็จะแปลไม่ทั้งหมดหรอก เพราะบางส่วนก็ยังเป็นญี่ปุ่น 😅)
  • เส้นทาง Navigator เปลี่ยนเป็นแบบใช้แต่ local road อย่างเดียวเลยได้ไหม หรือแบบขึ้นแต่ทางด่วนยาวเลยงี้ (ปุ่มที่เปลี่ยนมันอาจจะเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะนะ ต้องให้เค้าแสดงวิธีใช้ให้ดู)
  • เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเอง ก็คือให้เค้าเช็ครถด้วย ให้เค้า mark รอยที่คนเก่าทั้งหลายส่งต่อมาด้วยนะคะ เพราะถ้าเค้าลืม mark เราจะเป็นผู้รับผิดชอบรอยเก่าได้นะคะ
  • อ้อ รวมถึงวิธี start รถด้วย คือของเราที่เช่า มันไม่ได่้ใช้กุญแจ แต่ใช้ปุ่มกด start แทนจ้า
    โอเคเสียเวลากับการเช่ารถมานานแล้วนะคะ มาเริ่มการเดินทางกันดีกว่าค่าาาาา 😆 
              กว่าเราจะออกจากการเช่ารถก็ 11 โมงกว่าล่ะ หลังจากขับออกมาจากบริษัทรถเช่าสักพัก เราเลยแวะไปกินข้าวร้านอาหารญี่ปุ่นข้างทางชื่อ 山の猿 苫小牧店 เข้าไปพนักงานเค้าก็พาไปนั่ง ที่นั่งก็จะเป็นเสื่อทาทามิ ตอนแรกนึกว่าต้องนั่งคุกเข่าล่ะ แต่ใต้โต๊ะเค้าทำร่องให้วางขาไว้ให้ อาหารเค้าก็เป็นแบบชุดอ่ะนะ เราก็สั่งมา 3 ชุด รอไม่ถึง 5 นาทีก็มา (เราลืมถ่ายไว้ต้องขออภัย😔)
              พอเราอิ่มท้องก็เดินทางต่อ เพราะเป็นครั้งแรกที่ขับรถในญี่ปุ่น เราเลยเลือกใช้ทาง local road ก่อนเพราะยังไม่ชินทาง วิวทะเลสวยมากๆ เราก็ขับไปเรื่อยๆ ความเร็วก็ประมาณไม่เกิน 40-50 กม./ชม. เพราะเค้าจำกัดแค่นั้นอ่ะนะ ///แต่ระหว่างขับ มีแต่รถญี่ปุ่นแซงซ้ายแซงขวา Hmm...สรุปเค้าต้องขับเท่าไหร่กันนะ 🤔/// ระหว่างทางเราก็มีแวะพักไปเข้าห้องน้ำตาม rest area (สามารถหาได้ใน google map) ก็ขับได้ประมาณ 2-3 ชม. เราก็ถึง noboribetsu เวลา 14.00 น. (รับรู้ได้ถึงความเป็น good driver เลย) ขับขึ้นไปบนเขา ซึ่งเป็นส่วนที่นักท่องเที่ยวเค้าเที่ยวกันอ่ะนะ (สำหรับคนที่มาด้วยรถไฟ JR ก็ต้องต่อรถบัสไม่ก็ Taxi ค่า) ก็จะมีทั้งส่วนที่ท่องเที่ยว โรงแรมเยอะมากๆ แล้วก็ถนน shopping ด้วย
              เราก็เริ่มด้วยการที่ขับวนรอบเมืองเลยจ้าว่าตรงไหนเป็นอะไร จากนั้นก็ลงจอดรถที่ถนน shopping (เค้าอนุญาติให้จอดแปปหนึ่งได้ ตรงร้านที่ปิดหรือร้านที่ไม่มีกรวยวางไว้) เดินดูร้านอะไรนิดหน่อย แล้วก็ไหว้ศาลเจ้า Enma





              จากนั้นก็ขับไปที่ Hell valley ซึ่งก็เป็น highlight ของที่นี้ (เค้ามีที่จอดรถให้ 2 โซน โซนแรกราคา 200 เยน โซนที่สองราคา 500 เยนค่า) แต่ด้วยความที่เรามีเวลาไม่พอ เพราะจองที่พักไว้ Hakodate เลยไม่ได้เข้าแค่มองดูแค่ข้างหน้า 😅 เราเลยลงเขามาซื้อของกินที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต Kopu นิดหน่อย แล้วก็เดินทางต่อแต่เปลี่ยนไปใช้ expressway เพราะไม่ไหวขับแค่ 50 กม. + ไฟแดงที่เยอะมากๆ ของเค้า + ใกล้มืด น่าจะถึงตอน 4 ทุ่มพอดีเลย
              วิวภูเขาบนทางด่วนบอกเลยไม่แพ้วิวทะเลด้านล่างคะ แถมขับได้ถึง 110 กม.อีกด้วย (ขอบอกไว้ก่อนว่าทางด่วนเขาไม่ได้มีหลายเลนเหมือนไทยเรานะ ส่วนใหญ่เป็นเลนเดียว สลับกับสองเลนบ้าง ดังนั้นก็ไม่ควรขับช้าเกินนะคะ 😆)





              ขับมาจนถึงทางออกสุดท้ายชื่อ Onuma Koen เสียไป 4.050 เยนค่า (Navigator บนรถเค้ามีบอกไว้ให้ว่าถ้าลงป้ายไหน ราคาเท่าไหร่บ้าง) ก็แพงไม่เบาแต่ก็ถือว่าคุ้มกับวิวนะคะ แต่ออกมาแล้วก็ยังไม่ถึงตัวเมือง Hakodate นะคะ ต้องขับต่ออีกประมาณ 30 กม.ได้ เราถึงตัวเมืองเวลา 18.00 น. ก็เข้าไปกินร้านอาหารชื่อ Marukatsusuisan เป็นร้านซูชิสายพานคะ กินเสร็จเราก็เข้า check in โรงแรมเวลา 19.30 น. ค่า 😴


    - The End of The Day -

    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    วันที่ 6 [Day 6]

    ข้อมูลการนั่งเรือข้ามฟากที่เซี่ยงไฮ้ฝั่ง Puxi และฝั่ง Pudong (ก่อน Covid)

    วันที่ 5 [Day 5]